Monday, October 30, 2006

ดื่มดึก



หนึ่ง
บาทวิถี,ทอดเงาคนเมาผ่าน
ด่าคืนรีบคืบคลานไปถึงไหน
คงเพราะเขาเมามายจากภายใน
กระดกเหล้าแก้วที่เท่าไหร่ เขาไม่รู้

เช่นกัน, หนึ่งหนุ่มยังดุ่มเดิน
เชื่องช้าเสียเหลือเกินเพลินคิดอยู่
คงไม่เห็นใครลอบมองจากช่องประตู
คล้ายเดินสู่ที่ใดไม่แจ่มชัด

แหละโน่น, กรายปีกสีของผีเสื้อ
โบกอยู่เพื่อยั่วเย้าเร้าสัมผัส
ต่อมือต่อแววตา สารพัด
เธอคงไม่เจนจัดหรอกต่อดอกไม้

นั่น ! หมาผอมโซเดินโผเผ
แวะตรงที่รถเมล์มาจอดป้าย
โอ้...สูงถังขยะเกินตะกาย
เก็บเศษกระจายกินพอต่อชีวา

สอง
คือราตรีของผีเสื้อ
เรื่อแสงนีออน อ่อนล้า
สดสีไฟพริบระยิบตา
เพ่งนานภาพพร่า พร่าเลือน

คือราตรีของคนเมา คนเหงา หมา
ในเวลาที่ ทั้งมี, ไม่มีเพื่อน
ในเดือนที่เพลิดเพลินด้วยเงินเดือน
จนมาเยือนของลำบากด้วยยากจน

คือราตรีที่ยังมีชีวิต, คิด...
อภิสิทธิ์เหนือบริสุทธิ์ พ้นหลุดพ้น
เพียงลำพัง, แทรกร่างกลางฝูงชน
จะยืนยันตัวตนได้อย่างไร

ต่อบางราตรีที่ไม่ลี้ลับ
แต่กลับกระจ่างสว่างไสว
โอ ! แสงแสบจ้านัยน์ตาเท่าใด
อาจมืดบอดหัวใจได้เท่านั้น

คืนหรือคงเวลาที่ดึกที่สุด
ขณะโลกรุดอย่างเกินขวางกั้น
เรายังคงเลาะเลียบไปเงียบงัน
สู่คืนสนั่นเพียงเสียงอึกทึก

โดยเงียบทั้งหลายในภายใน
ดังเท่าไหร่หนอ...จะพอกลบรู้สึก
ถ่องแท้เล่าเท่าใด เท่าใจนึก
ว่า – ชัดพอต่อดึก ไม่ลึกลับ

สาม
คือราตรีฝูงผีเสื้อดาดดื่น
เกลื่อนคนที่คืนกล่อมไม่ยอมหลับ
คนเมา คนเหงา หมา มากกว่านับ
ตลอดดึกที่มิอาจดับแสงไฟ

ดึกหนึ่งย่ำเท้าผ่านอึกทึกสถานย่านบางกะปิ, กรุงเทพฯ : มกราคม, 2541

No comments: