Tuesday, October 17, 2006

ปลอบเธอ













ฉันเพียงอาคันตุกะ...
ผู้ผ่านมาตามวาระในขณะหนึ่ง
ไม่มากมายความหมาย ไม่ลึกซึ้ง
ใกล้แค่ไหนไปไม่เคยถึง-หัวใจเดินทาง

เธออาจเจือเบิกบานด้วยรานร้าว
ซ่อนบาดเจ็บเหน็บหนาวในคราวอ้างว้าง
แซมเศร้าที่สีหน้าไม่เคยจาง
วนเวียนอยู่ระหว่างทางวกวน

ฉันดั้นเดินมาประสาหนุ่ม
เคยกลัดกลุ้ม, แค้นคับเคยสับสน
บางครั้งโดนชักจูงหลงฝูงคน
รู้ไหม.....ฉันดั้นด้นค้นหาสิ่งใด

หรือเธอรู้…ฉันเองก็ไม่รู้
ว่าเราอยู่ระหว่างทางสายไหน ?
“คือทางสายบรรทุกหวัง, ระวังไว
รักษาใจไม่ให้คว้างแทบทางเดิน”

ใช่ไหม.....หรือไม่ใช่.....
โลกไม่เพียงกำนัลด้วยสรรเสริญ
หากมีร้ายระยำให้ย่ำเผชิญ
มีทั้งเกินทั้งขาด- เหนือคาดเดา

ทั้งนั้น......
เธอฉันจึงมีวันเงียบ, เหงา, เศร้า
วันที่เห็นฟ้าทั่วฟ้าทาสีเทา
ขณะเช้าคลี่คลายมาหลายเพลา

.....................

ทลายลงเถิด, ความทรงจำเจ็บช้ำซ้ำซาก
มาชมฉากสุนทรียะอมตะค่า
มารู้สึกสุขลึกล้ำโดยธรรมดา
ซึ่งทุกผู้แสวงหา- พากันผ่านไป

ผ่านไปสู่ฤดูที่กู่ไม่กลับ
มีตำนานแตกดับจนนับไม่ไหว
วิ่งหา- อารยธรรมทับ, ย่อยยับดวงใจ
เคยพบ, เคยพอมีหรือไม่- ในตำนาน

แท้,เธอหรือฉันก็ล้วนอาคันตุกะ
มีอยู่, เพียงหิ่งห้อยขณะกะพริบผ่าน
เป็นอยู่, ดังละอองไร้น้ำหนักธุลีจักรวาล
ซึ่งมิอาจทัดทานกระแสกาลเวลา

ผ่านมาแล้วก็ไป, แม่น้ำไม่ไหลกลับ
บนฝั่ง, ใครนั่งหลับ-ฝันผวา
ในมืด, รอ- เช้าชื่นบานตระการตา
เถิดเธอผู้แสวงหา- รักษาหัวใจ
บ้านสวนดอก : เชียงใหม่, ๒๕๓๙